Please use this identifier to cite or link to this item:
http://cmruir.cmru.ac.th/handle/123456789/622
Title: | การพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาไทยของนักเรียน ที่มีความต้องการพิเศษ ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เขต 4 |
Other Titles: | The Development of Reading and Writing Skill for the Special Need Students in the School Under the office of Chiangmai Educational Service Area 4 |
Authors: | ถาธัญ, ศรีทูล คณะ |
Keywords: | การพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาไทยของนักเรียน โรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เขต 4 |
Issue Date: | 2553 |
Publisher: | Chang Mai Rajabhat University |
Abstract: | การวิจัยเรื่องการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนของนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เขต 4 ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสร้างสื่อพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนของนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เขต 4 และ 2) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เขต 4 ที่เรียนโดยใช้สื่อที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น โดยผู้วิจัยได้เก็บรวบรวมข้อมูลการวิจัยจากโรงเรียนแกนนำจัดการเรียนร่วมในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เขต 4 ปีการศึกษา 2552 จำนวน 5 โรง จำนวนครู 5 คน จำนวนนักเรียน 17 คน ซึ่งได้มาโดยการคัดเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) ชุดฝึกทักษะการอ่านและการเขียนภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีปัญหาด้านการอ่านและเขียน หน่วยชุมชนน่าอยู่ จำนวน 3 เรื่อง คือ เรื่องที่ 1 วัดบ้านฉัน เรื่องที่ 2 ประเพณีสำคัญ : วันสงกรานต์ เรื่องที่ 3 ผูกพันท้องทุ่ง 2) แบบทดสอบทักษะการอ่านและการเขียนก่อนและหลังเรียน หน่วยชุมชนน่าอยู่ 3.แบบทดสอบการอ่านและการเขียนในแต่ละเรื่อง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลจากชุดฝึกทักษะการอ่านและการเขียนภาษาไทยได้แก่ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าเฉลี่ยร้อยละ ผลการวิจัยพบว่า 1. ประสิทธิภาพของสื่อพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนของนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น คือ ชุดฝึกทักษะการอ่านและการเขียนภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีปัญหาด้านการอ่านและเขียน หน่วยชุมชนน่าอยู่ มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 77.82 / 77.65 โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.1 ชุดพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทย หน่วยชุมชนน่าอยู่ เรื่องวัดบ้านฉัน มีประสิทธิภาพ (E1/E2 ) เท่ากับ 80.71 / 78.82 เรื่องประเพณีสำคัญ : วันสงกรานต์ มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 84.74 / 82.94 เรื่องผูกพันท้องทุ่ง มีประสิทธิภาพ (E1/E2 ) เท่ากับ 76.99 / 76.47 1.2 ชุดพัฒนาทักษะการเขียนภาษาไทย หน่วยชุมชนน่าอยู่ เรื่องวัดบ้านฉัน มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 75.36 / 76.47 เรื่อง ประเพณีสำคัญ: วันสงกรานต์ มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 76.67 / 75.29 และเรื่อง ผูกพันท้องทุ่ง มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 76.36 / 75.88 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ที่เรียนโดยใช้ชุดฝึกทักษะการอ่านและการเขียนภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีปัญหาด้านการอ่านและการเขียน หน่วยชุมชนน่าอยู่ มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 77.65 ก้าวหน้าเท่ากับร้อยละ 55.89 โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 2.1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านการอ่าน เรื่อง วัดบ้านฉัน มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 78.82 ก้าวหน้า เท่ากับร้อยละ 46.47 เรื่อง ประเพณีสำคัญ : วันสงกรานต์ มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 82.94 ก้าวหน้าเท่ากับร้อยละ 56.47 และ เรื่อง ผูกพันท้องทุ่ง มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 76.47 ก้าวหน้าเท่ากับ ร้อยละ 43.97 2.2 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านการเขียน เรื่อง วัดบ้านฉัน มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 76.47 ก้าวหน้าเท่ากับร้อยละ 50.59 เรื่อง ประเพณีสำคัญ : วันสงกรานต์ มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 75.29 ก้าวหน้า เท่ากับร้อยละ 52.35 และ เรื่อง ผูกพันท้องทุ่ง มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 75.88 ก้าวหน้าเท่ากับร้อยละ 52.35 |
Description: | การวิจัยเรื่องการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนของนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เขต 4 ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสร้างสื่อพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนของนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เขต 4 และ 2) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เขต 4 ที่เรียนโดยใช้สื่อที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น โดยผู้วิจัยได้เก็บรวบรวมข้อมูลการวิจัยจากโรงเรียนแกนนำจัดการเรียนร่วมในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เขต 4 ปีการศึกษา 2552 จำนวน 5 โรง จำนวนครู 5 คน จำนวนนักเรียน 17 คน ซึ่งได้มาโดยการคัดเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) ชุดฝึกทักษะการอ่านและการเขียนภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีปัญหาด้านการอ่านและเขียน หน่วยชุมชนน่าอยู่ จำนวน 3 เรื่อง คือ เรื่องที่ 1 วัดบ้านฉัน เรื่องที่ 2 ประเพณีสำคัญ : วันสงกรานต์ เรื่องที่ 3 ผูกพันท้องทุ่ง 2) แบบทดสอบทักษะการอ่านและการเขียนก่อนและหลังเรียน หน่วยชุมชนน่าอยู่ 3.แบบทดสอบการอ่านและการเขียนในแต่ละเรื่อง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลจากชุดฝึกทักษะการอ่านและการเขียนภาษาไทยได้แก่ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าเฉลี่ยร้อยละ ผลการวิจัยพบว่า 1. ประสิทธิภาพของสื่อพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนของนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น คือ ชุดฝึกทักษะการอ่านและการเขียนภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีปัญหาด้านการอ่านและเขียน หน่วยชุมชนน่าอยู่ มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 77.82 / 77.65 โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.1 ชุดพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทย หน่วยชุมชนน่าอยู่ เรื่องวัดบ้านฉัน มีประสิทธิภาพ (E1/E2 ) เท่ากับ 80.71 / 78.82 เรื่องประเพณีสำคัญ : วันสงกรานต์ มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 84.74 / 82.94 เรื่องผูกพันท้องทุ่ง มีประสิทธิภาพ (E1/E2 ) เท่ากับ 76.99 / 76.47 1.2 ชุดพัฒนาทักษะการเขียนภาษาไทย หน่วยชุมชนน่าอยู่ เรื่องวัดบ้านฉัน มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 75.36 / 76.47 เรื่อง ประเพณีสำคัญ: วันสงกรานต์ มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 76.67 / 75.29 และเรื่อง ผูกพันท้องทุ่ง มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 76.36 / 75.88 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ที่เรียนโดยใช้ชุดฝึกทักษะการอ่านและการเขียนภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีปัญหาด้านการอ่านและการเขียน หน่วยชุมชนน่าอยู่ มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 77.65 ก้าวหน้าเท่ากับร้อยละ 55.89 โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 2.1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านการอ่าน เรื่อง วัดบ้านฉัน มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 78.82 ก้าวหน้า เท่ากับร้อยละ 46.47 เรื่อง ประเพณีสำคัญ : วันสงกรานต์ มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 82.94 ก้าวหน้าเท่ากับร้อยละ 56.47 และ เรื่อง ผูกพันท้องทุ่ง มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 76.47 ก้าวหน้าเท่ากับ ร้อยละ 43.97 2.2 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านการเขียน เรื่อง วัดบ้านฉัน มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 76.47 ก้าวหน้าเท่ากับร้อยละ 50.59 เรื่อง ประเพณีสำคัญ : วันสงกรานต์ มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 75.29 ก้าวหน้า เท่ากับร้อยละ 52.35 และ เรื่อง ผูกพันท้องทุ่ง มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 75.88 ก้าวหน้าเท่ากับร้อยละ 52.35 |
URI: | http://cmruir.cmru.ac.th/handle/123456789/622 |
Appears in Collections: | Research Report |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
Cover.pdf | Cover (ปก) | 464.32 kB | Adobe PDF | View/Open |
Abstract.pdf | Abstract (บทคัคย่อ) | 439.26 kB | Adobe PDF | View/Open |
Content.pdf | Content(สารบัญ) | 426.5 kB | Adobe PDF | View/Open |
Chapter1.pdf | Chapter-1 (บทที่1) | 513.06 kB | Adobe PDF | View/Open |
Chapter2.pdf | Chapter-2 (บทที่2) | 1.22 MB | Adobe PDF | View/Open |
Chapter3.pdf | Chapter-3 (บทที่3) | 642.7 kB | Adobe PDF | View/Open |
Chapter4.pdf | Chapter-4 (บทที่4) | 628.47 kB | Adobe PDF | View/Open |
Chapter5.pdf | Chapter-5 (บทที่5) | 511.5 kB | Adobe PDF | View/Open |
Bibliography.pdf | Bibliography (บรรณานุกรม) | 785.07 kB | Adobe PDF | View/Open |
Appendix.pdf | Appendix(ภาคผนวก) | 744.1 kB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.